Previous Page  31 / 62 Next Page
Information
Show Menu
Previous Page 31 / 62 Next Page
Page Background

บรรณานุกรม

American Association for the Advancement of Science (AAAS). (1989).

Science for all American: A project 2061 report on goals in science,

mathematics, and technology

. Washington, DC: AAAS.

Eichinger, John. (2009).

Activities linking Science with Mathematics, grade

K-4.

VA: NSTA Press.

The National Research Council (NRC). (2012).

A framework for K-12

science education: Practices, crosscutting concepts, and core idea.

Washington, DC: National Academies Press.

เมื่อนักเรียน

พับเสร็จแล้วให้

นักเรียนสังเกตกบ

ทั้ง 2 ตัว แล้วคาด

คะเนและให้เหตุผล

ว่ากบตัวใดน่าจะกระโดดได้ไกลกว่ากัน

จากนั้นให้นักเรียนท�

ำให้กบโอริงามิกระโดดด้วยวิธีการ ดังรูปที่ 2

รูปที่ 2 การท�

ำให้กบโอริงามิกระโดด

(ที่มา :

http://nicehobbies.org/origami-frog

)

ขั้นทดสอบแนวคิด

ครูก�

ำหนดเงื่อนไขว่าจะต้องท�

ำให้กบโอริงามิทั้ง 2 ตัว

เคลื่อนที่จากจุดเริ่มต้นไปยังเส้นชัย ซึ่งมีระยะทาง 45 เซนติเมตร

เท่ากัน โดยขณะเล่นให้นักเรียนเปรียบเทียบจ�

ำนวนครั้งการกด

และสังเกตการออกแรงที่กบทั้ง 2 ตัว จากนั้นให้นักเรียนเปรียบ

เทียบสิ่งที่สังเกตได้กับสิ่งที่คาดคะเนไว้ ซึ่งนักเรียนอาจพบว่า

กบที่มีขนาดเล็กกว่าจะเบากว่า ออกแรงกดน้อยกว่า เคลื่อนที่

ไปได้ระยะทางที่น้อยกว่าในการกดแต่ละครั้ง และทิศทางการ

เคลื่อนที่อาจไม่แน่นอนหากขณะนั้นลมพัดผ่านมา ส่วนกบที่มี

ขนาดใหญ่จะต้องออกแรงกดมากกว่า เคลื่อนที่ไปได้ระยะทาง

ที่มากกว่า มีทิศทางการเคลื่อนที่แน่นอนกว่า และนักเรียนจะ

ได้ค้นพบว่าน�้

ำหนักของกบโอริงามิและวิธีท�

ำให้กบกระโดดมีผล

ต่อการเคลื่อนที่ของกบ

ขั้นออกแบบและปรับปรุงชิ้นงาน

นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันออกแบบกบโอริงามิตัวใหม่ที่

สามารถกระโดดไปได้ระยะทาง 45 เซนติเมตร โดยใช้จ�

ำนวน

ครั้งการกดน้อยที่สุดและออกแรงน้อยที่สุด ก่อนเริ่มการออกแบบ

ครูชักชวนนักเรียนร่วมกันอภิปรายถึงปัจจัยที่อาจส่งผลต่อการ

กระโดดของกบโอริงามิอีกครั้งหนึ่ง ตามหัวข้อดังนี้

• ขนาดของกบ

• ชนิดของกระดาษที่ใช้ในการพับ

• วิธีหรือเทคนิคในการท�

ำให้กบกระโดด

• วิธีการท�

ำให้กบโอริงามิมีน�้

ำหนักมากขึ้น

นักเรียนสามารถน�

ำอุปกรณ์มาออกแบบและสร้างสรรค์กบ

โอริงามิของตนเองหรือครูอาจช่วยเตรียมอุปกรณ์เพิ่มเติมให้

นักเรียนดังนี้ ชนิดของกระดาษที่ใช้ในการพับ เช่น กระดาษ

วาดเขียน กระดาษแข็ง กระดาษสีแบบบาง กระดาษแก้ว วัสดุ

ที่น�

ำมาเพิ่มน�้

ำหนักให้กับกบโอริงามิ เช่น ลวดเสียบกระดาษ

รวมถึงสิ่งที่ต้องใช้ในการตกแต่ง

เมื่อนักเรียนออกแบบกบโอริงามิเรียบร้อยแล้ว ให้แต่ละกลุ่ม

ท�

ำการแข่งขันทั้งหมด 3 ครั้ง แล้วเปรียบเทียบความสามารถ

ของกบโอริงามิ โดยนับจ�

ำนวนครั้งทั้งหมดที่กดให้กบกระโดดจาก

จุดเริ่มต้นจนถึงเส้นชัยจากการแข่งขันทั้ง 3 ครั้ง มาหาค่าเฉลี่ย

รูปที่ 3 กบโอริงามิขนาดต่าง ๆ

(ที่มา :

www.creativejewishmom.com)

กิจกรรมเพิ่มความสามารถของกบโอริงามิ

หลังจากที่นักเรียนแต่ละกลุ่มทราบผลแล้วว่ากบโอริงามิของ

กลุ่มตนเองมีความสามารถเพียงใด ครูเปิดโอกาสให้นักเรียน

ปรับปรุง หรือเพิ่มความสามารถของกบโอริงามิของกลุ่มตนเอง

ได้ และน�

ำมาทดสอบเปรียบเทียบกับกบโอริงามิก่อนการปรับปรุง

จากแนวการจัดกิจกรรมสะเต็มศึกษาด้วยกบโอริงามิ จะเห็น

ได้ว่ากิจกรรมนี้ช่วยให้นักเรียนได้เรียนรู้เนื้อหาทางวิทยาศาสตร์

เกี่ยวกับมวลและการเคลื่อนที่ โดยน�

ำความรู้นี้ไปประยุกต์ใช้ร่วม

กับกระบวนการทางวิศวกรรมศาสตร์เพื่อออกแบบกบโอริงามิ

ซึ่งจะต้องค�

ำนึงถึงขนาด ชนิดของวัสดุที่น�

ำมาใช้พับกบ เพื่อให้

ได้สิ่งประดิษฐ์ที่มีประสิทธิภาพ (เทคโนโลยี) อีกทั้งยังมีการเก็บ

ข้อมูล นับจ�

ำนวนครั้งที่กบโอริงามิกระโดดได้ และน�

ำมาหาค่า

เฉลี่ย ซึ่งต้องใช้หลักการทางคณิตศาสตร์ในการค�

ำนวณอีกด้วย

กิจกรรมที่น�

ำเสนอในบทความนี้ เป็นตัวอย่างกิจกรรมหนึ่ง

ที่ช่วยจุดประกาย การเป็นนักคิด นักสร้างสรรค์ การออกแบบ

เพื่อเป็นพื้นฐานส�

ำหรับการต่อยอดในการเรียนรู้แบบ STEM

Education ในระดับที่สูงขึ้นไป

ปีที่ 42

|

ฉบับที่ 185

|

พฤศจิกายน-ธันวาคม 2556

31