Previous Page  16 / 62 Next Page
Information
Show Menu
Previous Page 16 / 62 Next Page
Page Background

เชื่อมโยงความคิดคณิตสะเต็ม

ดร.อลงกต ใหม่ด้วง

นักวิชาการ สาขาคณิตศาสตร์มัธยมศึกษาตอนต้น / e-mail :

amaid@ipst.ac.th

ถึงแม้ว่าล�

ำดับของวิชาคณิตศาสตร์ (Mathematics)ใน

ชื่อกลุ่มวิชาสะเต็มศึกษา (STEM) จะอยู่ในต�

ำแหน่งรั้งท้าย แต่

ก็ไม่ได้หมายความว่าวิชาคณิตศาสตร์มีความส�

ำคัญน้อยกว่า

วิชาอื่น ๆ เพราะจริง ๆ แล้ววิชาคณิตศาสตร์ถือเป็นรากฐาน

ส�

ำคัญส�

ำหรับการเรียนรู้วิชาอื่น ๆ ในกลุ่มสะเต็มศึกษา ไม่ว่า

จะเป็นวิทยาศาสตร์(Science) เทคโนโลยี (Technology) หรือ

กระบวนการทางวิศวกรรม (Engineering) ซึ่งล้วนสามารถน�

ความรู้ทางคณิตศาสตร์มาประยุกต์ใช้ได้ทั้งสิ้น เดิมทีNational

Science Foundation (NSF) แห่งสหรัฐอเมริกาเรียกกลุ่ม

วิชาสะเต็มศึกษาว่า SMET ตามล�

ำดับการวิวัฒน์ของแต่ละ

วิชา แต่เนื่องจากอาจมีการออกเสียงค�

ำว่า SMET ผิดเพี้ยนไป

ในทางไม่เหมาะสม สุดท้ายจึงได้เปลี่ยนมาเป็น STEM แทน

(Sanders, 2009)

ลักษณะส�

ำคัญประการหนึ่งในการศึกษาเรียนรู้แบบ

สะเต็มศึกษาคือการเชื่อมโยงความรู้ระหว่างวิชาวิทยาศาสตร์

คณิตศาสตร์ เทคโนโลยี และกระบวนการออกแบบทางวิศวกรรม

เข้าด้วยกัน เพื่อน�

ำไปใช้แก้ปัญหาต่าง ๆ ในชีวิตประจ�

ำวัน

และในโลกของการท�

ำงาน โดยในส่วนของวิชาคณิตศาสตร์

ซึ่งศึกษาถึงแบบรูปและความสัมพันธ์ระหว่างจ�

ำนวน ปริมาณ

และ รูปทรงเรขาคณิตต่าง ๆ (Katehi, L., Pearson, G. and

Feder, M., 2009) ก็เป็นวิชาที่สามารถน�

ำไปใช้เชื่อมโยงกับ

วิชาอื่น ๆ ในสะเต็มศึกษาได้อย่างหลากหลาย บทความนี้จะ

แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างวิชาคณิตศาสตร์ กับวิชา

วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และการออกแบบทางวิศวกรรม ว่า

มีความเชื่อมโยงกันอย่างไร และเป็นการแสดงตัวอย่างของ

การน�

ำเอาความรู้วิชาคณิตศาสตร์ไปใช้ในกระบวนการต่าง ๆ

อย่างมีความหมาย

คณิตศาสตร์กับวิทยาศาสตร์

วิทยาศาสตร์เป็นวิชาที่มุ่งศึกษาและหาค�

ำอธิบาย

ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติต่าง ๆ รอบตัวทั้งทางด้านกายภาพ

และชีวภาพ รวมถึงการน�

ำความรู้เหล่านั้นมาประยุกต์ใช้ใน

เรื่องต่าง ๆ วิชาวิทยาศาสตร์นับเป็นวิชาที่มีความสัมพันธ์

และเชื่อมโยงกับวิชาคณิตศาสตร์อย่างใกล้ชิด องค์ความรู้

ทางคณิตศาสตร์สามารถน�

ำไปใช้สนับสนุนการศึกษาด้าน

วิทยาศาสตร์ในหลาย ๆ ขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็นการวัดปริมาณ

พื้นฐานต่าง ๆ ทั้งความยาว มวล เวลา อุณหภูมิ ปริมาณสาร

ออกมาเป็นจ�

ำนวนเพื่อหาความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งต่าง ๆ รวม

ถึงการเขียนและการเปลี่ยนหน่วยต่าง ๆ เหล่านี้ซึ่งต้องใช้ความ

รู้ทางคณิตศาสตร์มาเกี่ยวข้อง นอกจากนี้ในการท�

ำการทดลอง

วิทยาศาสตร์ก็จ�

ำเป็นต้องมีการรวบรวมข้อมูลและประมวลผล

ข้อมูลต่าง ๆ โดยใช้กระบวนการทางสถิติอีกด้วย

แต่จุดที่น่าสนใจคือปรากฏการณ์ต่าง ๆ ในธรรมชาติที่นัก

วิทยาศาสตร์พยายามสรุปเป็นกฎหรือทฤษฎีนั้นสามารถน�

ำมา

เขียนในรูปสมการทางคณิตศาสตร์ได้หลายกรณี แสดงให้เห็น

ว่าความสัมพันธ์ทางคณิตศาสตร์เป็นสิ่งที่มีอยู่ในธรรมชาติและ

มีส่วนช่วยให้นักวิทยาศาสตร์สามารถท�

ำความเข้าใจและท�

ำนาย

ปรากฏการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างมีแบบแผนชัดเจนมากยิ่งขึ้น ยก

ตัวอย่างสูตรแสดงทฤษฎีสัมพัทธภาพของ แอลเบิร์ต ไอน์สไตน์

อันโด่งดัง ก็แสดงด้วยสมการทางคณิตศาสตร์

E = mc

2

เมื่อ E แทนพลังงานมีหน่วยเป็นจูล

m แทนมวลมีหน่วยเป็นกิโลกรัม

c แทนอัตราเร็วของแสงในสุญญากาศซึ่งมีค่าประมาณ

3 x 10

8

เมตรต่อวินาที

นิตยสาร สสวท.

16