Previous Page  23 / 62 Next Page
Information
Show Menu
Previous Page 23 / 62 Next Page
Page Background

23

ปีที่ 42 ฉบับที่ 188 พฤษภาคม - มิถุนายน 2557

4. ควรถามเฉพาะค�

ำถามที่จ�

ำเป็นเท่านั้น

ค�

ำถามที่ฟุ่มเฟือย กระทบกระเทียบเปรียบเปรย หรือไม่ได้ต้องการ

ค�

ำตอบจริง ๆ เช่น “รูปสี่เหลี่ยมมันก็มี 4 ด้านไม่ใช่หรือ” นอกจากจะไม่เกิดประโยชน์แล้วยังอาจท�

ำให้ผู้เรียน

ละความสนใจจากบทเรียนได้ง่าย ๆ

5. ใช้ค�

ำกริยาที่ชวนให้ใช้ความคิดระดับสูง

(ตามแนว Bloom’s Taxonomy) เช่นค�

ำว่า ลองสังเกต ลองพิจารณา

เปรียบเทียบความเหมือนความต่าง เชื่อมโยง อธิบาย ระบุ จ�

ำแนกแยกแยะ ตัดสินใจ ลองคาดการณ์ ฯลฯ ค�

ำเหล่านี้

จะช่วยกระตุ้นให้ผู้เรียนได้คิด จนเกิดความเข้าใจที่ลุ่มลึกและสามารถขยายความคิดต่อไปได้อีก

3. ใช้ค�

ำถามปลายเปิด

ค�

ำถามปลายเปิดจะเป็นสิ่งท้าทายและช่วยกระตุ้นให้ผู้เรียนรู้จักคิด ต่างจากค�

ำถาม

ปลายปิดประเภท “ใช่หรือไม่ใช่” ซึ่งผู้เรียนไม่ต้องคิดอะไรมาก บางทีก็ตอบไปแบบเดา โดยยังไม่ได้ไตร่ตรอง

• 4 + 6 เท่ากับเท่าไร (ตอบ 10)

• รูปสี่เหลี่ยมมีด้านกี่ด้าน (ตอบ 4 ด้าน)

• มีจ�

ำนวนใดบ้างที่รวมกันแล้วได้เท่ากับ 10

• ผู้เรียนสังเกตเห็นอะไรบ้างในรูปสี่เหลี่ยม

พิจารณาการถามค�

ำถามในเรื่องเดียวกันข้างต้นจะเห็นว่า

ถ้าใช้ค�

ำถามแบบปลายปิดครูก็จะได้รับค�

ำตอบ (ที่ถูกต้อง) กลับ

มาเพียงแบบเดียวและไม่สามารถตรวจสอบได้ว่านักเรียนเข้าใจ

ในเรื่องนั้นจริงหรือไม่ ต้องเปลี่ยนโจทย์เพื่อถามใหม่อีก แต่ถ้าครู

ใช้ค�

ำถามแบบปลายเปิด ครูจะได้ค�

ำตอบจากนักเรียนมากมาย

หลายแบบ และสามารถใช้เป็นประเด็นในการเรียนเพื่อสร้าง

ความเข้าใจต่อไปได้อีก นอกจากนี้ค�

ำถามปลายเปิดยังช่วยเสริม

สร้างความมั่นใจในตนเองแก่ผู้เรียน เพราะผู้เรียนสามารถอธิบาย

สิ่งที่ตนเองคิดได้อิสระ และไม่รู้สึกกดดันกับผลของการตอบผิด

หรือตอบถูกจากค�

ำถามปลายปิด ผู้เรียนจะรู้สึกว่าตนเองได้เป็น

ผู้ค้นพบแทนที่จะต้องคอยตั้งรับค�

ำถามจากครู