Previous Page  15 / 62 Next Page
Information
Show Menu
Previous Page 15 / 62 Next Page
Page Background

บรรณานุกรม

Australian Astronomical Observatory. (2010, 1 August).

The Globular Cluster 47 Tucanae (NGC 104). Retrieved

February 21, 2014, from

http://www.aao.gov.au/images/

captions/aat076.html

Frommert, Hartmut. (2006, 20 June). NGC 104. Retrieved

February21, 2014 from,

http://messier.seds.org/xtra/ngc/n0104.html

Howell, Elizabeth. (2013, 29 May). Why Are Dying Stars in

47 Tucanae Cooling Off So Slowly? Retrieved February

21, 2014, from

http://www.universetoday.com/102482/

why-are dying-stars-in-47-tucanae-cooling-off-so-slowly/

Kalirai, Jason. (2014, February). New light on our Sun’s

fate.

Astronomy, 42

(2), 44-49.

Swinburne University of Technology. Stellar Winds. Retrieved

February 21, 2014, from

http://astronomy.swin.edu.

au/cosmos/S/stellar+winds

15

ปีที่ 42 ฉบับที่ 189 กรกฎาคม - สิงหาคม 2557

การสูญเสียน�้

ำหนัก

ของดาวฤกษ์

มวลที่สูญเสีย

มวลเริ่มแรกของดาวฤกษ์ที่เผาไหม้ไฮโดรเจน

ยิ่งดาวฤกษ์ที่คล้ายดวงอาทิตย์มีมวลเริ่มต้นมากเท่าใด สัดส่วนของสสาร

ที่จะสูญเสียผ่านวิวัฒนาการของดาวฤกษ์จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น คาลิไร

และคณะเปรียบเทียบคุณสมบัติของดาวแคระขาวในกระจุกดาวและหา

ความสัมพันธ์ระหว่างมวลของดาวแคระขาวกับดาวฤกษ์ตั้งต้นที่เผาไหม้ไฮโดรเจน

ชะตาชีวิตของดวงอาทิตย์ของเรา (และของโลก)

การวัดมวลตั้งต้นและมวลสุดท้ายของดาวฤกษ์สามารถขยายออกไป

ถึงดาวฤกษ์คล้ายดวงอาทิตย์ที่อยู่ใกล้เคียง เพราะฉะนั้นจึงใช้ท�

ำนาย

ชะตาชีวิตของดวงอาทิตย์ได้ เราทราบมาว่าดวงอาทิตย์ของเรา

จะใช้ไฮโดรเจนในแกนกลางของมันจนหมดภายในระยะเวลา

ประมาณ 6,500 ล้านปี เมื่อไม่มีไฮโดรเจนหลงเหลือในแกนกลาง

ของมัน ดวงอาทิตย์ของเราจะเริ่มเผาไหม้ธาตุในชั้นที่อยู่รอบ ๆ

เฉกเช่นเดียวกับดาวยักษ์แดงทั่วไป ชั้นที่ไม่ส�

ำคัญนี้จะขยายตัว

เนื่องจากความร้อนที่เกิดขึ้นและขยายขนาดจนมีรัศมีเป็น 200 เท่า

ของรัศมีในปัจจุบัน อุณหภูมิพื้นผิวของดวงอาทิตย์จะลดลงมา

ถึงประมาณครึ่งหนึ่งของค่าในปัจจุบัน(ประมาณ 3,000 เคลวิน)

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากในตอนนั้นดวงอาทิตย์จะมีขนาดใหญ่กว่า

ในปัจจุบันมาก จึงจะมีความสว่างมากกว่าในปัจจุบัน 1,000 เท่า

เมื่อดวงอาทิตย์ขยายตัว มันจะกลืนกินทั้งดาวพุธและดาวศุกร์

จนหมด ในทางตรงกันข้ามโลกจะพยายามเล่น “ไล่จับ” กับ

ดวงอาทิตย์เมื่อดวงอาทิตย์สูญเสียมวล มันจะมีผลต่อแรงโน้มถ่วง

ท�

ำให้วงโคจรของโลกขยายออกไปไกลถึงประมาณร้อยละ 50

ของปัจจุบัน โชคไม่ดีส�

ำหรับโลกที่ดวงอาทิตย์จะสูญเสียมวล

อย่างรวดเร็วในตอนที่เป็นดาวยักษ์แดงและชั้นนอกของมัน

จะไล่ทันวงโคจรของโลก

และโลกก็จะถูกหุง เมื่อถึงตอนนั้นความร้อนก็จะท�

ำให้มหาสมุทรแห้ง

และบรรยากาศถูกเผาไหม้ ภายหลังจากที่ได้เผชิญกับอนุภาคแก๊ส

ในพื้นผิวส่วนนอกที่ไม่มีความส�

ำคัญของดวงอาทิตย์ โลกจะรับรู้

ได้ถึง “แรงต้าน” และเริ่มที่จะลดอัตราเร็วในการโคจรรอบดวงอาทิตย์ลง

สุดท้ายวงโคจรของโลกจะวนเป็นก้นหอยไปสู่ศูนย์กลางของดวงอาทิตย์

ตามแบบจ�

ำลองวิวัฒนาการของดาวฤกษ์นั้น ภายหลังจากระยะที่เป็น

ดาวยักษ์แดง ดวงอาทิตย์จะสูญเสียสิ่งห่อหุ้มและเหลือไว้เพียงส่วนที่เป็น

แกนกลาง แกนกลางนี้ซึ่งก็คือดาวแคระขาวจะร้อนมากในตอนแรก

แต่เนื่องจากขาดเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ มันจึงจะเย็นตัวลงอย่างรวดเร็ว

ชะตาชีวิตของดวงอาทิตย์ของเราจะเป็นดังนี้ คือ ภายหลังจากที่สูญเสีย

มวลไปร้อยละ 46 (ซึ่งเป็นค่าที่คาลิไรและคณะได้ค�

ำนวณไว้)

มันจะกลายเป็นดาวแคระขาวปกติโดยมีน�้

ำหนักร้อยละ 54 ของน�้

ำหนัก

ปัจจุบัน เฉกเช่นเดียวกับดาวฤกษ์ที่เป็นบรรพบุรุษของดาวแคระขาว

ในกระจุกดาวทรงกลม 47 Tuc สุดท้ายดวงอาทิตย์ของเราจะมีมวลเพียง

เล็กน้อยเมื่อเทียบกับมวลในตอนก�

ำเนิด

อาจดูเหมือนกับว่ามันมีชีวิตอยู่อย่างค่อนข้างน่าเบื่อในขณะที่มัน

เผาไหม้ไฮโดรเจนในแกนกลางเป็นระยะเวลาหลายพันล้านปี

ดวงอาทิตย์จะเข้าสู่อีกสถานะหนึ่งที่ยาวนานในวิวัฒนาการของ

ดาวฤกษ์ ในตอนที่เป็นดาวแคระขาว ดวงอาทิตย์ของเราจะค่อย ๆ

ปลดปล่อยความร้อนที่เก็บสะสมไว้ไปในอวกาศและหรี่แสงลง

เมื่อเวลาผ่านไป มันจะเข้าร่วมกับสุสานดาวฤกษ์แห่งทางช้างเผือก

อันเป็นสถานที่ซึ่งร้อยละ 98 ของดาวฤกษ์ในกาแล็กซีจบชีวิตลง