

24
นิตยสาร สสวท.
ในพวกซาลาแมนเดอร์จะแตกต่างจากกบตรงที่ไม่มีเยื่อ
แก้วหู ส่วนปลายของกระดูก columella จะต่อติดกับกระดูก
squamosal ของกะโหลกผ่านทางเอ็นยึดแทน อย่างไรก็ตาม
กระดูก columella ยังคงใช้พื้นที่ร่วมกับกระดูก operculum
ในการปิดรูเปิดรูปไข่อยู่ เสียงสามารถเดินทางผ่านเข้าหูชั้นในได้
2 ทาง คือ จากกระดูก squamosal ไปยัง columella และจาก
กระดูกรองรับขาหน้าไปยัง operculum (รูปที่ 2 ขวา) เนื่องจาก
ไม่มีเยื่อแก้วหู ซาลาแมนเดอร์จะมีความไวต่อเสียงในอากาศได้
ไม่ดีเท่ากับในกบ
รูปที่ 2 โครงสร้างของหูกบ (ภาพซ้าย) และกลไกการรับเสียงในซาลาแมนเดอร์ (ภาพขวา)
เนื่องจากสัตว์สะเทินน�้
ำสะเทินบก
ส่วนใหญ่มีหัวขนาดเล็ก กว้างเพียงไม่กี่
เซนติเมตร และรับเสียงได้ดีในช่วงความถี่
ที่ไม่สูงมากนัก (ต�่
ำกว่า 10 กิโลเฮิรตซ์)
การวิเคราะห์แหล่งก�
ำเนิดเสียงจากความ
แตกต่ างของเวลาและความเข้มเสียง
ระหว่างหูทั้งสองข้างจะใช้ประโยชน์ได้
น้อย ในกบจะอาศัยการท�
ำงานร่วมกัน
ระหว่างหูชั้นกลางและช่องปากแทน โดย
แรงดันเสียงที่เกิดขึ้นในเยื่อแก้วหูซ้ายและ
ขวาจะถูกส่งผ่านท่อ ยูสเตเชียน (eustachian
tube) ไปยังช่องปาก ซึ่งที่นี่จะเกิดการสั่น
พ้องของเสียงขึ้น ก่อนส่งไปยังเยื่อแก้วหู
ของอีกฝั่งหนึ่ง ด้วยวิธีการนี้มันจึงตรวจจับ
ความแตกต่างของเสียงที่มาถึงหูซ้ายและ
ขวาได้ และบอกได้ว่าแหล่งก�
ำเนิดของ
เสียงนั้นอยู่ในทิศทางใดขณะที่ในซาลา
แมนเดอร์ หูชั้นในข้างซ้ายและขวาจะ
เชื่อมต่อกันผ่านช่องของเหลวที่พาดผ่าน
กะโหลก ท�
ำให้แรงสั่นสะเทือนของเสียง
กระจายจากหูข้างหนึ่งไปยังอีกข้างหนึ่งได้
ช่วยในการวิเคราะห์ความแตกต่างของเสียง
ระหว่างหูสองข้าง
3. การรับเสียงในสัตว์เลื้อยคลานและ
สัตว์ปีก
โดยทั่วไปหูของสัตว์เลื้อยคลานและ
สัตว์ปีกจะมีลักษณะใกล้เคียงกัน ท่อรูหู
ส่วนนอก (external auditory meatus)
เริ่มปรากฏครั้งแรกในสัตว์เลื้อยคลาน
เป็นหลืบตื้น ๆ ส่วนปลายของท่อเป็นที่
ตั้งของเยื่อแก้วหู มีกระดูก columella
เชื่อมติดกับเยื่อแก้วหู ทอดข้ามโพรงของ
หูชั้นกลางไปติดกับรูเปิดรูปไข่ (oval
window) (รูปที่ 3 ซ้าย) ในสัตว์เลื้อย
คลานส่วนใหญ่และสัตว์ปีก เสียงใน
อากาศจะกระทบเยื่อแก้วหู เกิดการสั่น
สะเทือน แล้วส่งต่อไปยังกระดูก columella
ผ่านรูเปิดรูปไข่ เข้าสู่หูชั้นในต่อไป
อย่างไรก็ตาม งูจะไม่เหมือนสัตว์กลุ่มอื่น
เพราะไม่มีรูหูส่วนนอกและเยื่อแก้วหู
และกระดูก columella จะไปต่อติดกับ
กระดูก quadrate ซึ่งเชื่อมต่อกับ
กระดูกขากรรไกรล่างแทน (รูปที่ 3 ขวา)
คนส่วนใหญ่มักเข้าใจว่างูนั้นหูหนวก แต่
จากงานวิจัยพบว่า มันสามารถตอบสนอง
ต่อเสียงจากการสั่นสะเทือนของพื้นดิน
และเสียงจากอากาศได้ โดยจะไวต่อ
เสียงที่มาจากการสั่นสะเทือนของพื้นดิน
มากกว่า เสียงที่รับจะอยู่ในช่วงความถี่
ต�่
ำและมีความไวในช่วงความถี่แคบ ๆ
ขากรรไกรล่างจะรับเสียงที่มากับพื้นดิน
แล้วส่งต่อไปยังกระดูก quadrate และ
columella ผ่านรูเปิดรูปไข่ไปยังตัวรับ
เสียงในหูชั้นใน นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า
เยื่อแก้วหูในงูอาจลดรูปหายไปในช่วงต้น
วิวัฒนาการของพวกมันเพื่อปรับตัว
ส�
ำหรับการใช้ชีวิตในดิน แม้ว่าปัจจุบันนี้
งูส่วนใหญ่จะอาศัยอยู่บนดิน แต่ก็ยังพบ
งูโบราณที่ยังคงอาศัยในดินอยู่
รูปที่ 3 โครงสร้างของหูในสัตว์เลื้อยคลาน (ภาพซ้าย) และกลไกการรับเสียงจากพื้นดินในงู (ภาพขวา)
การวิเคราะห์ทิศทางของเสียงในสัตว์เลื้อยคลานและสัตว์ปีก ยังคงไม่สามารถใช้ประโยชน์
จากความแตกต่างของเวลาและความเข้มเสียงระหว่างหูสองข้างได้อย่างเต็มที่ เพราะมีขนาดหัว
ค่อนข้างแคบ อย่างไรก็ตาม สัตว์ทั้งสองกลุ่มได้พัฒนาวิธีที่ช่วยในการวิเคราะห์ต�
ำแหน่ง
ของเสียงขึ้นหลายวิธี เช่น การที่รูหูทั้งสองข้างมีขนาด รูปร่างหรือต�
ำแหน่งแตกต่างกัน
หรือการที่สัตว์มีการเคลื่อนที่ของหัวและหูขณะฟังเสียง เป็นต้น
columella
operculum
operculum
squamosal
columella
columella
perrilymph
lagena
columella
quadrate
สแกนโค้ดนี้เพื่อ
ชมภาพเคลื่่อนไหว