Table of Contents Table of Contents
Previous Page  20 / 62 Next Page
Information
Show Menu
Previous Page 20 / 62 Next Page
Page Background

20

นิตยสาร สสวท

“จิตนิสัยทางคณิตศาสตร์ (Mathematical

Habits of Mind) เป็นความเข้าใจคณิตศาสตร์ในรูปแบบ

ที่คณิตศาสตร์เป็น จึงเปรียบเสมือนสะพานเชื่อมโยง

ความคิดและมุมมองระหว่างผู้ใช้และผู้เรียนคณิตศาสตร์กับ

ผู้วิจัยคณิตศาสตร์ (นักคณิตศาสตร์) จิตนิสัยทางคณิตศาสตร์

จึงเป็นสิ่งที่ทั้งนักวิชาการด้านคณิตศาสตร์และนักคณิตศาสตร์

ให้ความสนใจที่จะใช้เป็นเครื่องมือสำ�หรับพัฒนาให้ผู้เรียน

มีวิธีการคิดเยี่ยงนักคณิตศาสตร์ (think about mathematics

the way mathematicians do)”

ดร.พงศธร มหาวิจิตร • ภาควิชาการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ • e-mail:

pongsatorn1207@gmail.com

จิตนิสัย

ทางคณิตศาสตร์

(Mathematical Habits of Mind)

จิตนิสัยทางคณิตศาสตร์คืออะไร

หลายคนอาจมองว่าคณิตศาสตร์เป็นเพียงศาสตร์

แห่งการคิดค�ำนวณที่เกี่ยวกับตัวเลข แต่นั่นไม่ใช่ความจริง

ทั้งหมด เพราะคณิตศาสตร์อื่นๆ อีกหลายสาขายังมีเนื้อหา

ที่ไม่ได้มุ่งเน้นการค�ำนวณเป็นส�ำคัญ เช่น ตรรกศาสตร์

การพิสูจน์ ทฤษฎีกราฟ ฯลฯ ดังนั้นถ้าจะกล่าวให้ ได้

ความครอบคลุมผู้เขียนอยากจะใช้ค�ำว่า “คณิตศาสตร์เป็น

ศาสตร์เกี่ยวกับระบบวิธีคิด” การเรียนคณิตศาสตร์จึงไม่ควร

มุ่ งเน้ นแค่ การเร่ งรัดน�ำนักเรียนไปให้ ถึงค�ำตอบด้ วย

วิธีการส�ำเร็จรูป แต่ควรเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ฝึกคิดใช้

การเชื่อมโยงตรรกะ และกลยุทธ์การแก้ปัญหา (logical and

heuristic connections) ระหว่างองค์ความรู้แต่ละเรื่อง

เพื่อสร้างสิ่งที่มีคุณค่ายิ่งกว่าค�ำตอบ และนี่คือสิ่งที่เรียกว่า

“จิตนิสัยทางคณิตศาสตร์ (Mathematical Habits of Mind)”

จิตนิสัยทางคณิตศาสตร์ เป็นค�ำที่ถูกน�ำมาใช้

เป็นครั้งแรกโดย Cuoco, Goldenberg, and Mark (1996)

ซึ่งได้เสนอว่า จิตนิสัยทางคณิตศาสตร์เป็นหลักการส�ำคัญของ

การจัดหลักสูตรคณิตศาสตร์ เพื่อให้นักเรียนระดับมัธยมศึกษา

และวิทยาลัยได้ท�ำความเข้าใจคณิตศาสตร์ด้วยวิธีการคิด

แบบนักคณิตศาสตร์จึงเป็นส่วนที่เติมเต็มช่องว่างระหว่าง

ผู้สร้างกับผู้ใช้คณิตศาสตร์ แม้ปัจจุบันวงการอาจยังไม่มีนิยาม

ที่ชัดเจนตายตัว แต่ Lim and Selden (2009) ได้อธิบาย

ความหมายของจิตนิสัยทางคณิตศาสตร์อย่างง่ายๆ โดยใช้

ค�ำส�ำคัญ 2 ค�ำ คือ

“การคิด (thinking)”

และ

“ความเคยชิน

เป็นนิสัย (habituated)”

ซึ่งเราสามารถปลูกฝังสมบัติสองสิ่งนี้

แก่ผู้เรียนได้โดยอัตโนมัติ ขณะฝึกหัดโดยใช้โจทย์ปัญหา

ในชั้นเรียน เพียงแต่ครูต้องตั้งค�ำถามหรือจัดหาปัญหาที่

เหมาะสมมาให้ผู้เรียนท�ำเพื่อกระตุ้นการคิด (Seeley, 2014)

Harel (2008) ได้ให้ทรรศนะเกี่ยวกับจิตนิสัยใน

มุมมองเป็นวิธีคิดว่าคณิตศาสตร์ประกอบด้วย 2 สับเซต คือ

1)

วิธีท�ำความเข้าใจ

ได้แก่ นิยาม สัจพจน์ ทฤษฎีบท ข้อพิสูจน์

ปัญหา และการหาค�ำตอบ และ 2)

วิธีคิด (ways of thinking)

เป็นเครื่องมือทางความคิดที่มีประโยชน์ต่อการสร้างสับเซตแรก

และสิ่งที่ท�ำให้วิธีคิดแตกต่างจากเครื่องมือท�ำความเข้าใจ

ก็คือ จิตนิสัยทางคณิตศาสตร์ ทั้งสองความหมายนี้ไม่สามารถ

จะแยกกันพัฒนาได้

ขณะที่ Mason and Spence (1999) มีความเห็นว่า

ลักษณะที่เป็นความเคยชินจะต้องเป็นนิสัยที่รู้และปฏิบัติ

ได้ทันที โดยแบ่งความรู้ออกเป็น 2 ประเภทคือ 1)

รู้เนื้อหา

(knowing-about)

ประกอบด้วย การรู้ข้อเท็จจริง รู้กระบวนการ

และรู้เหตุผลเบื้องลึก และ 2)

รู้จักใช้ (knowing-to)

เป็น

ความรู้ฝังแน่นที่สามารถแสดงได้ตามบริบทหรือสถานการณ์

ในทันทีที่ต้องการ ซึ่งความรู้ ประเภทหลังนี้เป็นสิ่งที่มี

ความจ�ำเป็นยิ่งกว่า

นอกจากนี้ Costa and Kallick (2000) ได้อธิบาย

ความหมายของค�ำว่า “จิตนิสัย” ว่าเป็นผลอันเกิดจากการคิด

วิเคราะห์เพื่อแก้ปัญหาในสถานการณ์จริง และเกิดการเรียนรู้

ที่จะน�ำไปสู่ผลลัพธ์หรือวิธีการแก้ปัญหาที่ดีกว่า ซึ่งหากน�ำมา

พิจารณาร่วมกันแล้วอาจพอสรุปความหมายได้ว่า จิตนิสัย

ทางคณิตศาสตร์ เป็นการมองเห็นความสัมพันธ์ระหว่าง

เนื้อหาทางคณิตศาสตร์ต่างๆ และสามารถคิดเชื่อมโยงน�ำ

โครงสร้างความรู้ที่มีอยู่มาจัดการกับสถานการณ์หรือปัญหา

ที่พบเพื่อหาค�ำตอบได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยสามารถน�ำ

ไปปฏิบัติได้อย่างสม�่ำเสมอจนเกิดเป็นนิสัย

รอบรู้

คณิต