Table of Contents Table of Contents
Previous Page  6 / 62 Next Page
Information
Show Menu
Previous Page 6 / 62 Next Page
Page Background

6

นิตยสาร สสวท

Q

:

ประสบการณ์ประทับใจที่ท่านได้รับ

จากการท�

ำงานร่วมกับ สสวท.

A

:

งานของ สสวท. เป็นงานวิชาการ

เป็นงานเทคนิค เป็นงานส่งเสริมซึ่งมีผู้รับบริการ

หลากหลาย เช่นหน่วยงานต่างๆในกระทรวงศึกษาธิการ

องค์การบริหารส่วนท้องถิ่น เขตการศึกษา โรงเรียน ครู

นักเรียน รวมทั้งประชาชนโดยทั่วไป ซึ่งผู้รับบริการ

เหล่านี้ไม่ได้อยู่ในสังกัดของ สสวท. ดังนั้นการที่

เขาเหล่านั้นจะใช้หรือไม่ใช้บริการของ สสวท. ย่อมอยู่

เหนือความควบคุมของ สสวท. นโยบายและการสั่งการ

ต้องมาจากต้นสังกัดของหน่วยงานนั้น ประกอบกับ

การเปิดใช้สื่อเสรี ท�

ำให้สื่อ และเครื่องมือต่าง ๆ ของ

สสวท. ยังมีการน�

ำไปใช้แพร่หลายน้อยกว่าเดิมมาก

ผมเห็นว่า สสวท. มีนวัตกรรมในการท�

ำงาน

เพิ่มอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าหลักสูตรควบชั้น หลักสูตรใหม่

ต�

ำรารุ่นใหม่ Learning Space สะเต็มศึกษา หรือ

เครื่องมืออื่นๆ ที่ สสวท. ผลิตขึ้น ล้วนแล้วแต่มี

คุณภาพดีทั้งสิ้น ผมจึงอยากให้มีการใช้กันอย่างแพร่หลาย

เพื่อประโยชน์ต่อวงการศึกษาไทย สสวท.จึงจะต้อง

ร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน

บางอย่างอาจต้องร่วมกันพัฒนา บางอย่างอาจต้อง

ร่วมกันเผยแพร่ไปในวงกว้าง เพื่อให้ครูและนักเรียน

ได้น�

ำไปใช้อย่างเต็มที่ เพื่อพัฒนาการศึกษาและ

สังคมไทยให้ก้าวหน้าต่อไป

Q

:

ฝากไปยังผู้อ่านนิตยสาร สสวท.

A

:

ชีวิตประจ�

ำวันของเราในอนาคต

จะต้องเกี่ยวข้องกับสิ่งต่างๆ ที่อยู่รอบตัวซึ่งส่วนใหญ่

เป็นผลิตผลของคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์และ

เทคโนโลยี ไม่ว่าจะเป็นสิ่งอ�

ำนวยความสะดวก

หรือคว ามจ�

ำ เ ป็ นพื้นฐาน ใ นกา รด�

ำ ร ง ชีวิต

ไม่ว่าเราจะประกอบอาชีพอะไร นักวิทยาศาสตร์

หรือนักดนตรี วิศวกรหรือนักประพันธ์ แพทย์

หรือทนายความ เราทุกคนต้องใช้ระบบ ผลผลิต

หรือ อุปกรณ์ที่มาจากความรู้ทางคณิตศาสตร์

วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทั้งสิ้น ที่ต่างกันก็คือ

กลุ่มแรกประกอบอาชีพในสายวิทยาศาสตร์จึงต้องมี

ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ที่เข้มข้นและแตกฉาน เพื่อใช้

เป็นเครื่องมือในการประกอบอาชีพ ส่วนอีกกลุ่มหนึ่ง

ประกอบอาชีพในสายสังคมและมนุษยศาสตร์

ก็ควรจะรู้วิทยาศาสตร์ในระดับที่เพียงพอที่จะเข้าใจ

ประโยชน์และใช้วิทยาศาสตร์ได้อย่างมีความสุข

ผมจึงอยากที่จะฝากครูนักเรียนรวมทั้งประชาชนโดยทั่วไป

ได้ตระหนักในเรื่องนี้และเรียนคณิตศาสตร์วิทยาศาสตร์

อย่างสนุก และมีความแตกฉานในระดับที่ต่างกัน

แล้วแต่สายอาชีพ แล้วเราจะเป็นสังคมที่มีความสุข

เป็นสังคมที่เข้าใจและยอมรับวิทยาศาสตร์ หรือเป็น

สังคมที่มีความเข้าใจวิทยาศาสตร์ หรือ scientific

literacy

ในการเรียนวิชาอะไรก็ตาม ถ้าเป็นวิชาที่

ต้องใช้ทักษะก็จ�

ำเป็นต้องฝึกทักษะ เช่น เรียนภาษา

จะให้แตกฉานก็ต้องมีการฝึกฟัง ฝึกคิด ฝึกพูด ฝึกอ่าน

ฝึกเขียน จึงจะมีความแตกฉานในเรื่องภาษาได้

หรือถ้าอยากเล่นฟุตบอลให้ดี ให้เก่ง ก็จะต้องซ้อม

ถ้าไม่ซ้อม ไม่ให้เวลาฝึกทักษะให้เพียงพอ ก็จะเก่งไม่ได้

ดังนั้นการให้เวลาที่เพียงพอกับวิชาแต่ละวิชาจึงเป็น

สิ่งส�

ำคัญ ในการวิจัยของ PISA ได้ข้อสรุปว่า

“ยิ่งนักเรียนใช้เวลาในการเรียนคณิตศาสตร์มาก

ขึ้นคะแนนก็ยิ่งดีขึ้น”

วิชาวิทยาศาสตร์ก็เช่นกัน

ดังนั้นการจัดเวลาที่เหมาะสมส�

ำหรับแต่ละวิชา

จึงเป็นปัจจัยส�

ำคัญอย่างหนึ่งที่จะท�

ำให้การเรียนรู้

มีประสิทธิผลมากขึ้น โดยเฉพาะถ้าเป็นการใช้เวลา

ที่มีคุณภาพ