Table of Contents Table of Contents
Previous Page  20 / 62 Next Page
Information
Show Menu
Previous Page 20 / 62 Next Page
Page Background

20

นิตยสาร สสวท

5. กระตุ้นให้นักเรียนคิดนอกกรอบ และทดสอบ

ข้อสงสัยด้วยตนเอง

หนึ่งในจุดประสงค์หลักของสะเต็มศึกษา

คือ การพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ของนักเรียน กิจกรรมสะเต็ม

จึงเป็นการเรียนรู้ผ่านการแก้ปัญหาที่ไม่มีค�ำตอบที่ถูกต้อง

ที่สุดเพียงข้ อเดียว แต่มีทางเลือกในการแก้ปัญหาได้

หลากหลายแนวทาง กิจกรรมนาวาฝ่าวิกฤตก็เช่นกัน นักเรียน

สามารถสร้างแพเพื่อใช้แก้สถานการณ์ปัญหาน�้ำท่วมได้

หลายรูปแบบ และแม้ว่าการเรียนรู้แบบสืบเสาะในกิจกรรม

นาวาฝ่าวิกฤตจะก�ำหนดแนวทางในการสืบเสาะหาความรู้

ไว้แล้ว แต่กิจกรรมการเรียนรู้ดังกล่าวก็ไม่ได้ปิดกั้นความคิด

สร้างสรรค์ของนักเรียนเลยทีเดียว ในระหว่างที่เรียนรู้ นักเรียน

สามารถคิดนอกกรอบและทดสอบข้อสงสัยได้ด้วยตนเอง

เช่นกัน ตัวอย่างเช่น ในกิจกรรมเพื่อหาค�ำตอบว่าการวางวัตถุ

ณ ต�ำแหน่งที่สูงหรือต�่ำมีผลต่อการทรงตัวของเรืออย่างไร

นักเรียนจะต้องก�ำหนดมวลของดินน�้ำมันที่บรรทุก ความสูง

ของเสากระโดงเรือ และวิธีการวางดินน�้ำมันบนเรือสองชั้น

ด้วยตนเอง ซึ่งจะส่งผลให้หลักฐานที่ได้จากการทดลอง

มีความหลากหลายและครอบคลุมเนื้อหาได้ในเวลาจ�ำกัด

มากกว่าการให้นักเรียนทุกกลุ่มท�ำการทดลองโดยใช้วิธีการ

ที่เหมือนกัน การเรียนรู้ในรูปแบบนี้ ครูจึงมีบทบาทส�ำคัญ

ในการช่วยนักเรียนสร้างและสรุปองค์ความรู้เพื่อให้สามารถ

อธิบายได้ครอบคลุมทุกหลักฐานที่ได้จากการทดลองของ

นักเรียนในแต่ละกลุ่ม

6. เชื่อมโยงสิ่งที่เรียนรู้กับแนวทางการแก้ปัญหา

จากประสบการณ์ผู้ออกแบบกิจกรรมพบว่า ในบางครั้ง

นักเรียนไม่สามารถเชื่อมโยงสิ่งที่ก�ำลังเรียนรู้กับปัญหาได้

ดังนั้น จึงจ�ำเป็นต้องมีกลวิธีช่วยให้การเชื่อมโยงชัดเจนขึ้น

โดยใช้วิธีการกระตุ้นให้นักเรียนท�ำงานร่วมกันแล้วอภิปราย

เพื่อหาข้อสรุปว่า สิ่งที่นักเรียนได้จากกิจกรรมการเรียนรู้

แบบสืบเสาะสามารถน�ำมาใช้ในการแก้ปัญหาหลักของ

กิจกรรมนาวาฝ่าวิกฤตได้ดียิ่งขึ้นอย่างไร ตัวอย่างเช่น

ในกิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะ เรื่อง วัตถุที่อยู่สูงหรือต�่ำ

มีผลต่อการทรงตัวของเรือหรือแพอย่างไร นักเรียนควรสรุปได้ว่า

การสร้างแพจะต้องท�ำให้ศูนย์ถ่วงของวัตถุอยู่ต�่ำที่สุดเท่าที่จะท�ำได้

เพื่อให้แพไม่พลิกคว�่ำง่าย และการบรรทุกของบนแพจะต้อง

วางวัตถุให้กระจายตัวในแนวระดับมากกว่าการวางซ้อนกัน

7. ใช้ภาพหรือแอนิเมชันประกอบการเรียนรู้

ภาพหรือแอนิเมชันเป็นสื่อที่ช่วยให้นักเรียนสามารถสร้าง

ความเข้าใจและสรุปความรู้ได้ดีขึ้น การน�ำภาพหรือแอนิเมชัน

มาใช้เป็นสื่อประกอบการเรียนรู้จึงท�ำให้การเรียนรู้เกิดขึ้น

ได้ง่ายและเร็วยิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น ในกิจกรรมการเรียนรู้แบบ

สืบเสาะที่ 1 ว่าจะท�ำดินน�้ำมันให้ลอยน�้ำได้อย่างไร อาจมี

การใช้ภาพแสดงให้เห็นว่า ดินน�้ำมันทรงตันไม่ว่าจะเป็น

ทรงปริซึมสี่เหลี่ยมหรือแผ่ เป็นแผ่นบางจะจมน�้ำเพราะ

ปริมาตรของน�้ำที่ถูกแทนที่มีค่าน้อย ในขณะที่ดินน�้ำมัน

ที่ถูกปั้นให้มีขอบหรือมีช่องว่างของอากาศอยู่ตรงกลาง

จะแทนที่น�้ำได้มาก ท�ำให้แรงพยุงมีค่ าเพิ่มขึ้น และมี

แนวโน้มจะลอยน�้ำได้

8. ใช้ค�ำถามเพื่อให้นักเรียนลองท�ำนายสิ่งที่จะ

เกิดขึ้นเพื่อกระตุ้นความสงสัยใคร่รู้

การเรียนรู้แบบสืบเสาะ

ในกิจกรรมนาวาฝ่าวิกฤตถูกออกแบบให้สอดคล้องกับแนวคิด

ในการจัดการเรียนรู้เพื่อเปลี่ยนความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน

ให้ถูกต้อง (Conceptual Change Theory) โดยใช้กลวิธีการ

ตั้งค�ำถามเพื่อให้นักเรียนท�ำนายสิ่งที่จะเกิดขึ้น จากนั้นให้

ท�ำการทดลองและสังเกตผลการทดลองด้วยตนเองเพื่อสรุป

เป็ นความรู้ ใหม่ ที่ถูกต้ องสอดคล้ องกับหลักการทาง

วิทยาศาสตร์ อันเป็นกลวิธีการจัดการเรียนรู้ที่เรียกว่า POE

(Predict-Observe-Explain; ท�ำนาย-สังเกต-อธิบาย) ทั้งนี้

ค�ำถามหรือข้อสงสัยที่ใช้ในกิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะ

นั้นได้มาจากประสบการณ์ของผู้ออกแบบกิจกรรมที่มักพบว่า

นักเรียนส่วนใหญ่มีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน เช่น ดินน�้ำมัน

ที่แผ่เป็นแผ่นแบนจะสามารถลอยน�้ำได้ เพราะพื้นผิวที่สัมผัส

น�้ำมีปริมาณเพิ่มขึ้น แต่ในความเป็นจริงกลับจมน�้ำ ถ้าดินน�้ำมัน

ที่ใช้มีขนาดใหญ่จนไม่สามารถท�ำให้บางมากๆ ได้ หรือ

การบรรทุกดินน�้ำมันบนเรือสองชั้นไม่ว่าวัตถุจะอยู่ที่ต�ำแหน่งใด

ก็ไม่ส่งผลต่อการทรงตัวของเรือ เพราะเรือมีปริมาตรและ

มวลเท่าเดิม แต่ในความเป็นจริงศูนย์ถ่วงของเรือมีผลต่อ

การทรงตัวของเรือ

ใช้ภาพเป็นสื่อประกอบ

การเรียนรู้

เชื่อมโยงสิ่งที่เรียนรู้กับปัญหา