Table of Contents Table of Contents
Previous Page  21 / 62 Next Page
Information
Show Menu
Previous Page 21 / 62 Next Page
Page Background

21

ปีที่ 44 ฉบับที่ 200 พฤษภาคม - มิถุนายน 2559

9. จัดกิจกรรมให้การเรียนรู้เกิดขึ้นในอัตรา

ที่เหมาะสม

ในบางครั้งผู้ออกแบบกิจกรรมสะเต็มจ�ำเป็น

ต้องเลือกใช้แนวทางในการจัดกิจกรรมว่ารูปแบบใดเหมาะสม

กับความสามารถในการเรียนรู้ของนักเรียนโดยยังรักษา

ความเข้มข้นทางวิชาการให้อยู่ในระดับสูงด้วย เช่น ในกิจกรรม

นาวาฝ่าวิกฤต ครูสามารถก�ำหนดให้การทดสอบชิ้นงาน

มี 2 รูปแบบ คือ การให้นักเรียนทดสอบการวางดินน�้ำมัน

บนแพที่สร้างขึ้นตามค่าที่ค�ำนวณได้เพียงหนึ่งครั้งเท่านั้น

วิธีการนี้ นักเรียนต้องคิดค�ำนวณและพิจารณาความเป็นไป

ได้อย่างเข้มข้น จึงถือว่ามีความเข้มข้นทางวิชาการระดับสูง

ในขณะที่การจัดการเรียนรู้ในรูปแบบที่สองเป็นการก�ำหนด

ให้นักเรียนทดสอบการบรรทุกดินน�้ำมันบนแพที่สร้างขึ้น

โดยเพิ่มจ�ำนวนดินน�้ำมันครั้งละ 1 ก้อนจนถึงปริมาณ

ที่ก�ำหนด เพื่อให้นักเรียนได้คิดแก้ปัญหาว่าจะต้องวางดินน�้ำมัน

ที่เพิ่มอย่างไร การจัดกิจกรรมในรูปแบบนี้ก็มีความเข้มข้นทาง

วิชาการในระดับสูงเช่นกัน ทั้งนี้ ผู้ออกแบบกิจกรรมได้เลือก

ใช้การทดสอบในรูปแบบที่ 2 เนื่องจากต้องการแก้ความเข้าใจ

ที่คลาดเคลื่อนที่ว่า จ�ำนวนการบรรทุกดินน�้ำมันบนแพจะเป็น

จ�ำนวนคู่เท่านั้นจึงจะท�ำให้สามารถทรงตัวได้โดยไม่พลิกคว�่ำ

การทดสอบชิ้นงานโดยการเพิ่มดินน�้ำมันครั้งละ 1 ก้อน

จะเป็นการเปิดโอกาสให้นักเรียนได้เรียนรู้ว่าการบรรทุกดินน�้ำมัน

สามารถท�ำได้ทั้งดินน�้ำมันที่มีจ�ำนวนคี่และจ�ำนวนคู่ อีกทั้ง

ยังเป็นการให้นักเรียนได้ฝึกการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่เกิดขึ้น

ระหว่างการบรรทุกดินน�้ำมันที่เพิ่มขึ้นด้วย

10. ก�ำหนดระยะเวลาในการท�ำกิจกรรมที่ไม่สั้น

หรือไม่นานจนเกินไป

กิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวทาง

สะเต็มศึกษาสามารถจัดขึ้นได้ในหลากหลายลักษณะจึงส่งผล

ให้ระยะเวลาที่นักเรียนใช้ในการแก้ปัญหามีความหลากหลาย

โดยอาจจะเป็นกิจกรรมที่ต้องใช้เวลานาน 1 ภาคเรียนต่อ

1 ปัญหา หรืออาจจะเป็นกิจกรรมระยะสั้นเพียงแค่ 15 นาที

ส�ำหรับการแก้ปัญหาที่ไม่มีความซับซ้อน ส�ำหรับกิจกรรม

นาวาฝ่าวิกฤตนั้น ผู้ออกแบบได้พิจารณาแล้วเห็นว่า ควรใช้

เวลาทั้งสิ้นประมาณ 3 คาบเรียน หรือ ประมาณ 150 นาที

ซึ่งเป็นระยะเวลาที่ไม่สั้นจนนักเรียนไม่มีเวลาเรียนรู้ และไม่นาน

จนนักเรียนหมดความสนใจใคร่รู้ ซึ่งจะส่งผลให้ความเข้มข้น

ทางวิชาการลดลง ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจน�ำกิจกรรมนาวาฝ่าวิกฤต

ไปใช้อาจเปลี่ยนแปลงระยะเวลาในการจัดกิจกรรมได้ตามที่

เห็นสมควร

11. ใช้การประเมินผลที่สะท้อนการบูรณาการ

ความรู้ ในการแก้ปัญหา

การประเมินผลเป็นหนึ่งใน

ปัจจัยที่มีผลต่อความตั้งใจในการท�ำกิจกรรมของนักเรียน

การประเมินผลจึงมีส่วนช่วยเพิ่มความเข้มข้นทางวิชาการ

ของกิจกรรมได้เป็นอย่างดีทั้งนี้ ในระหว่างการท�ำกิจกรรมสะเต็ม

นักเรียนต้องรู้ตัวอยู่เสมอว่า การประเมินผลจะไม่เน้นเพียงแค่

ความส�ำเร็จในการแก้ปัญหาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการให้

เหตุผลในการออกแบบ การอธิบายความรู้หลักการที่ใช้

ในการออกแบบ ความคิดสร้างสรรค์ และกระบวนการ

ท�ำงานกลุ่มด้วย นอกจากนี้ ครูในแต่ละสาขาวิชายังสามารถ

ประเมินความรู้ที่นักเรียนได้รับจากใบบันทึกกิจกรรมและ

การท�ำกิจกรรมของนักเรียนด้วย การประเมินที่เข้มข้น

จะท�ำให้นักเรียนให้ความสนใจและตั้งใจท�ำกิจกรรมสะเต็ม

ที่มีความเข้มข้นทางวิชาการมากยิ่งขึ้น

ที่มา:

http://www.anuban.ac.th/wp-content/ uploads/2014/11/3_resize.jpg