

นิตยสาร สสวท.
30
จากตัวอย่างของการใช้ค�
ำถามในการจัดการเรียนรู้
แบบ 5 ขั้นตอนทั้งสองเรื่อง จะเห็นได้ว่า ค�
ำถามที่ใช้ใน
แต่ละขั้นนั้นแม้จะมีจุดประสงค์ในการถามแตกต่างกัน
แต่ค�
ำถามดังกล่าวก็เป็นตัวกระตุ้นการคิด ให้นักเรียนเกิด
การเรียนรู้จากกิจกรรมในแต่ละขั้น อย่างไรก็ตาม นอกจาก
การเลือกใช้ค�
ำถามที่ดีและตรงกับจุดประสงค์แล้ว เทคนิค
การใช้ค�
ำถามก็เป็นเรื่องส�
ำคัญที่จะช่วยเสริมให้การใช้
ค�
ำถามเกิดประสิทธิภาพสูงสุด
เทคนิคที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพของการใช้
ค�
ำถามในห้องเรียนมีอยู่ด้วยกันหลายเทคนิค หนึ่งในเทคนิค
ที่ง่ายและมีประสิทธิภาพสูง คือ การรอคอยค�
ำตอบ (Wait
time)
การรอคอยค�
ำตอบที่กล่าวถึงนี้จะนับช่วงเวลา
ตั้งแต่ครูถามจนกระทั่งครูเรียกชื่อนักเรียนให้ตอบ ตั้งแต่ครู
เรียกชื่อนักเรียนให้ตอบจนกระทั่งนักเรียนตอบ และตั้งแต่
นักเรียนตอบจนกระทั่งครูพูดค�
ำต่อไป ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว
ครูจะให้เวลาตั้งแต่เริ่มถามจนกระทั่งได้ค�
ำตอบประมาณ
1 – 2 วินาที ซึ่งอาจเพียงพอส�
ำหรับนักเรียนบางคนแต่ส�
ำหรับ
นักเรียนเรียนอ่อนบางคน การที่ครูให้เวลาในการตอบ
สั้นนั้น ท�
ำให้นักเรียนหมดก�
ำลังใจในการตอบ เนื่องจาก
ครูมักคาดหวังว่าจะได้ค�
ำตอบที่รวดเร็วจากนักเรียนที่เรียนเก่ง
มากกว่าคาดหวังค�
ำตอบจากนักเรียนที่เรียนอ่อน ซึ่งการกระท�
ำ
ดังกล่ าวส่งผลเสียอย่างร้ายแรงต่อนักเรียนที่เรียนอ่อน
ซึ่งแม้จะมีค�
ำตอบอยู่ในใจ แต่ไม่มีโอกาสได้ตอบในสิ่งที่ตัวเอง
รู้หรือเข้าใจ
ประโยชน์ของการเพิ่มเวลาในการรอคอยค�
ำตอบ
จะช่วยท�
ำให้ครูมีเวลาในการคิดทบทวนในสิ่งที่ถามและมี
เวลาในการไตร่ตรองค�
ำตอบของนักเรียนด้วย การเพิ่มเวลา
ในการรอคอยค�
ำตอบต้องปฏิบัติอย่างต่อเนื่องสม�่
ำเสมอ
ซึ่งผลการวิจัยพบว่า การเพิ่มเวลาในการรอคอยค�
ำตอบ
เป็นประโยชน์กับทั้งครูและนักเรียน (Rowe, 1986) นอกจากนี้
การหยุดเพื่อรอคอยค�
ำตอบหลังจากถามยังเป็นการปรับปรุง
เทคนิคการถามของครูให้ดีขึ้นอีกด้วย (Johnson, 1990)
การเพิ่มเวลาในการรอคอยค�
ำตอบมีประโยชน์กับนักเรียนดังนี้
1. นักเรียนมีเวลาคิดค�
ำตอบได้นานขึ้นและเป็นการ
ช่วยให้นักเรียนที่เรียนอ่อนมีโอกาส ได้ตอบ
2. นักเรียนมีการอธิบายค�
ำตอบได้มากขึ้นและมี
การคิดไตร่ตรองค�
ำตอบก่อนตอบ
3. นักเรียนสามารถเชื่อมโยงระหว่างสิ่งที่สังเกตได้
กับการหาข้อสรุปจากเหตุผลที่มีอยู่ (inference)
ส�
ำหรับครูนั้น การเพิ่มเวลาในการรอคอยค�
ำตอบมี
ประโยชน์ดังนี้
1. จ�
ำนวนค�
ำถามของครูแม้จะลดลง แต่มีความหลากหลาย
และมีคุณภาพมากขึ้น
2. ค�
ำตอบของค�
ำถามที่ครูต้องการนั้นจะมีความยืดหยุ่น
มากขึ้น และสะท้อนให้เห็นถึงความเต็มใจที่จะรับฟังค�
ำตอบที่
หลากหลายของนักเรียน
3. ความคาดหวังของครูต่อนักเรียนที่เรียนอ่อน
จะเป็นไปในทางที่ดีขึ้น เนื่องจากครู จะรอคอยและรับฟังค�
ำ
ตอบของนักเรียนกลุ่มนี้
การใช้ค�
ำถามในการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์
อาจไม่ใช่เรื่องยากส�
ำหรับครูวิทยาศาสตร์ที่มีประสบการณ์
การสอนมาหลายปี แต่หากครูวิทยาศาสตร์รู้ว่าควรใช้ค�
ำถาม
ใดในขั้นตอนใดของการจัดการเรียนรู้และรู้เทคนิคการถาม
ก็จะช่ วยให้สามารถใช้ค�
ำถามได้อย่ างมีประสิทธิภาพ
ซึ่งจะส่งผลให้การจัดการเรียนรู้เกิดประสิทธิผลเกิดประโยชน์
กับทั้งครูและนักเรียนอันจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนา
การศึกษาของประเทศไทยต่อไปในอนาคต
Carin A. A., & Sund R.B. (1978).
Creative Questioning and
Sensitive Listening Technique: a Self – Guided
Approach.
New Jersey: Merrill/Prentice Hall.
Great Britain. Department for Education and Skills, corp
creator. (2004). Strengthening teaching and learning
in science through using different pedagogies. Unit 2:
Active Questioning. Retrieved May 9, 2015, from
https://stemedhub.org/resources/760/download/sec_sc_tch_thru_pedagogy.pdf
Joel E. B., Terry L. C., & Arthur A. C. (2009).
Teaching science
as inquiry.
Boston: Pearson.
Johnson, D. R. (1990).
Every Minute Counts: Making Your
Math Class Work.
New Jersey: Dale Seymour Publications.
Rowe, M. B. (1986). Wait – Time: Slowing Down May Be a
Way of Speeding Up.
Journal of Teacher Education.
37.
43 – 50.
Weiss, I. R. & Pasley, J. D. (2004). What is High – Quality
Instruction?.
Educational Leadership. 45.
24 – 29.
บรรณานุกรม
การรอคอยค�
ำตอบ (Wait time):
เทคนิคส�
ำคัญในการใช้ค�
ำถาม